สวัสดีสมาชิกอำนาจเจริญคลับทุกๆท่านแม้แอดมินจะห่างหายจากบล็อกไปนานและไม่ได้อัพเดทข้อมูลข่าวสารให้กับสมาชิกอำนาจเจริญคลับ คลับของคนรักอำนาจเจริญ สาเหตุที่ผมไม่ได้อัพเดทข้อมูลไม่ใช่เพราะงานยุ่งหรอกครับ แต่เป็นเพราะเพื่อนๆสมาชิกงานยุ่ง บางคนยุ่งเรื่องในมุ้งเพราะแต่งงานมีครอบมีครัวไปแล้ว แต่อย่างไรเราก็ไม่ลืมอุดมการณ์ที่จะแบ่งปันข้อมูลดีๆให้กับสมาชิกนะครับ
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแอดมินและท่านเลขานุการได้นักพบกันและรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่อำเภอเสนางคนิคมซึ่งถือได้ว่าเป็นฐานที่ัมั่นที่สำคัญของชวนอำนาจเจริญเลยก็ว่าได้ ทำไมถึงจัดอำเภอเสนางคนิคมเป็นฐานที่มั่นของคลับอำนาจเจริญก็เพราะว่า บัญชีธนาคารของคลับอำนาจเจริญก็เปิดที่อำเภอเสนางคนิคมครับ
เนื้อหาในบล็อกของอำนาจเจริญคลับมีโพสน้อยมาก เนื่องจากแอดมินเองก็ไม่รู้จะโพสอะไรดี วันนี้อากาศดีมากแอดมินจึงจะนำเรียนประวัติความเป็นไปเป็นมาของอำนาจเจริญให้เพื่อนได้รับทราบนะครับ
ประวัติจังหวัดอำนาจเจริญ
เมื่อปี พ.ศ. 2337 เจ้าพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 2 ได้มีใบบอกลงไปกราบทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขอพระราชทานตั้งบ้านโคกก่งกงพะเนียง (ปัจจุบันเป็นตำบลอยู่ในการปกครองของอำเภอชานุมาน)
เป็นเมืองเขมราษฎร์ธานี
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตั้งบ้านโคกก่งกงพะเนียงเป็นเมืองเขมราฐธานี
ตามที่พระพรหมวรราชสิริยวงศากราบทูล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาดก่ำ
บุตรชายคนโตของพระวอจากเมืองอุบลราชธานี มาเป็นเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี
(ที่ตั้งอยู่เมืองบริเวณบ้านคำแห้ว เมืองเก่า อำเภอชานุมาน)
ได้รับสถาปนาเป็นพระเทพวงศา (ก่ำ)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2369 เกิดศึกระหว่างกรุงเทพมหานครกับกองทัพเจ้าอนุวงศ์
เจ้านครจำปาศักดิ์ได้ยกทัพมายึดเมืองเขมราษฎร์ธานี ขอให้พระเทพวงศา (ก่ำ)
เข้าเป็นพวกด้วย แต่พระเทพวงศาไม่ยอมจึงถูกประหารชีวิต พระเทพวงศา (ก่ำ)
มีบุตรชาย 3 คน คือ พระเทพวงศา (บุญเฮ้า) คนที่ 3 ท้าวแดง
มียศเป็นพระกำจนตุรงค์ ได้เป็นเจ้าเมืองวารินชำราบ
พระเทพวงศา (บุญจันทร์) มีบุตรชาย 2 คน คือ ท้าวบุญสิงห์ และท้าวบุญชัย
ต่อมา ท้าวบุญสิงห์ได้เป็นเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี มียศเป็นพระเทพวงศา
(บุญสิงห์) มีบุตรชาย 2 คน คือ ท้าวเสือและท้าวพ่วย ซึ่งได้รับยศเป็น
ท้าวจันทบุรมหรือจันทบรม ต่อมาในปี พ.ศ. 2401 ได้กราบบังคมทูลยกฐานะบ้านค้อใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอลืออำนาจ) ขึ้นเป็นเมือง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านค้อใหญ่ขึ้นเป็นเมือง ให้ชื่อว่า
เมืองอำนาจเจริญ เมื่อ พ.ศ. 2410 และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวจันทบรม (เสือ) เป็นเจ้าเมือง มียศเป็นพระอมรอำนาจ (ต้นสกุลอมรสิน) ดังปรากฏตราสารตั้งเจ้าเมืองอำนาจเจริญ
เมืองอำนาจเจริญจึงได้รับการสถาปนาเป็นเมืองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
โดยขึ้นการบังคับบัญชาของเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี โดยมีท้าวจันทบุรม (เสือ)
มีพระอมรอำนาจ ซึ่งเป็นบุตรชายของพระเทพวงศา (ท้าวบุญสิงห์)
เจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี และเป็นหลานเจ้าพระวอ เจ้าเมืองอุบลราชธานี
เป็นเจ้าเมืองอำนาจเจริญคนแรก
นับว่าเมืองอำนาจเจริญเป็นเชื้อสายของเจ้าพระวอพระตาโดยตรง
ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิรูปการปกครองให้เข้าสู่ระบบการบริหารราชการแผ่นดินแบบยุโรปตามแบบสากล เป็นเทศาภิบาล เมื่อ พ.ศ. 2429-2454 โดยยกเลิกการปกครองแบบเดิมที่ให้มีเจ้าเมือง พระอุปราช ราชวงศ์ และราชบุตร ที่เรียกว่า อาญาสี่
นับแต่ปี พ.ศ. 2429-2454 ได้ยกเลิกการปกครองแบบเก่า คือ
ยกเลิกตำแหน่งอาญาสี่สืบสกุลในการเป็นเจ้าเมืองนั้นเสีย
จัดให้ข้าราชการจากราชสำนักในกรุงเทพมหานครมาปกครอง
เปลี่ยนชื่อตำแหน่งผู้ปกครองจากเจ้าเมืองมาเป็นผู้ว่าราชการเมืองแทน
และปรับปรุงการปกครองหัวเมืองมณฑลอีสาน
จึงยุบเมืองเล็กเมืองน้อยรวมเป็นเมืองใหญ่ ยุบเมืองเป็นอำเภอ เช่น เมืองเขมราษฎร์ธานี เมืองยศ (ยโสธร) เมืองฟ้าหยาด (มหาชนะชัย) เมืองลุมพุก (คำเขื่อนแก้ว) เมืองขุหลุ (ตระการพืชผล) เมืองอำนาจเจริญ ไปขึ้นการปกครองกับเมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
อำเภออำนาจเจริญ จึงได้แต่งตั้งนายอำเภอปกครอง
นายอำเภอคนแรก คือ รองอำมาตย์โทหลวงเอนกอำนาจ (เป้ย สุวรรณกูฏ) พ.ศ.
2454-2459 ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2459 ย้ายตัวอำเภอจากที่เดิม (บ้านค้อ
บ้านอำนาจ อำเภอลืออำนาจในปัจจุบัน) มาตั้ง ณ
ตำบลบุ่งซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองในปัจจุบัน ตามคำแนะนำของพระยาสุนทรพิพิธ
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขามณฑลอีสาน
ได้เดินทางมาตรวจราชการโดยใช้เกวียนเป็นพาหนะ
มีความเห็นว่าหากย้ายอำเภอมาตั้งใหม่ที่บ้านบุ่งซึ่งเป็นชุมชนและชุมทางสี่
แยกระหว่างเมืองอุบลราชธานีกับมุกดาหาร และเมืองเขมราฐกับเมืองยศ (ยโสธร)
โดยคาดว่าจะมีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปในอนาคต โดยใช้ชื่อว่า
อำเภอบุ่ง [เสนอแนะย้ายพร้อมกับอำเภอเดชอุดม
ย้ายจากเมืองขุขันธ์ (ในเขตจังหวัดศรีสะเกษปัจจุบัน)
มาขึ้นกับจังหวัดอุบลราชธานี]
และยุบเมืองอำนาจเจริญเดิมเป็นตำบลชื่อว่าตำบลอำนาจ
ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า "เมืองอำนาจน้อย"
อยู่ในเขตท้องที่อำเภอลืออำนาจในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2482
จึงเปลี่ยนชื่อจากอำเภอบุ่ง เป็น "อำเภออำนาจเจริญ"
ขึ้นการปกครองกับจังหวัดอุบลราชธานี
ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ พุทธศักราช 2536 ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536
ตรงกับวันพุธ แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา ให้แยกอำเภออำนาจเจริญ
อำเภอชานุมาน อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน อำเภอเสนางคนิคม
และกิ่งอำเภอลืออำนาจ (ปัจจุบันอำเภอลืออำนาจ) รวม 6 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ
ออกจากการปกครองจังหวัดอุบลราชธานีรวมกันขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ชื่อว่า
จังหวัดอำนาจเจริญ และยกฐานะอำเภออำนาจเจริญเป็น
อำเภอเมืองอำนาจเจริญ (ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า 4-5-6 เล่ม 110 ตอนที่ 125 ลงวันที่ 2 กันยายน 2536)